Wednesday 27 July 2016

ภาค Reborn - "The Armageddon trader!!!" #12



#ว่าด้วยเรื่องของการฝึก skill (แนว Hard core)


“Every job requires experience, and experience takes time”
_____________________________________________________

ในหนังสือ Outliners ของ Malcolm Gladwell บอกไว้ว่า ถ้าคุณตั้งใจฝึกซ้อมอะไรไปก็ได้ซัก 10,000 ชั่วโมง คุณต้องกลายเป็นสุดยอดในด้านนั้นแน่ๆ (แต่ถ้าคุณไม่มีฉันทะ ใจไม่รักจริง แล้วคุณจะทนทำมันไหวมั๊ยล่ะคับ หุหุ) => เปรียบเทียบกับคนที่ทำงานประจำไปวันๆ ประมาณ 5 ปี ก็ยังเชี่ยวชาญในงานนั้นๆ แต่ว่าถ้าจะไปเปรียบคนที่ใจรักในงานนั้นๆ มากๆ ทำไป 5 ปีเนี่ยเค้าก็แปลงร่างกลายเป็นซุปเปอร์ไซย่าแล้วนะครับ

คนที่ประสบความสำเร็จอาจจะมาจากการผสมผสานระหว่าง Talent + Effort + Time + Ability แต่ถ้าถามเค้าเหล่านั้นว่าจริงๆ แล้วอะไรที่ทำให้พวกเค้าเหล่านั้นประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่ก็มักจะตอบว่า การฝึกซ้อมครับ ฝึกๆๆ ซ้อมๆๆ ซ้อมมันเข้าไป


ทำให้เป็นไม่ยาก แต่ทำให้เก่งยากโคตร:
_____________________________________________________

งานเกือบทุกอย่างส่วนใหญ่จะเป็นแบบที่กล่าวด้านบนครับ คือ หัดทำให้เป็นนั้นไม่ยาก แต่ถ้าจะทำให้เก่ง (มากๆ) นั้นยากโคตรครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ เหมือนการเล่นดนตรีหรือกีฬาให้เก่งๆ เช่น การเล่นกีตาร์ ในตอนเด็กๆ ที่เรามองมือกีตาร์วงดัง solo เพลงในตำนาน มันช่างเท่ห์เหลือเกินฝุดๆ ถ้าเราอยากเล่นเก่งเหมือนเค้า ก็ทำได้ครับ ไม่มีปัญหา เราก็ไปซื้อกีตาร์มา แล้วหัดเล่นเองก็ยังได้ แป๊บเดียวก็เป็นแล้วคับ แต่เป็นแบบ ...ง๊องแง๊ง...

แต่ถ้าเราอยากเก่งเทพ วิธีการก็ต้องเปลี่ยนไปถูกมั๊ยคับ เพราะถ้าหัดเอง งมเอง มันก็วนอยู่ในอ่างอยู่อย่างนั้น => เราก็ต้องไปหาวิธีการหัดเล่นแบบที่ถูกต้อง หรือไม่ก็หาอาจารย์ดีๆ หา role model แล้วก็ฝึกๆๆ ฝึกมันเข้าไป => ถ้าเราลองไปอ่านประวัติของพวก Guitar hero ที่ดูผมยาวรุงรังภายนอกเหมือนขี้เหล้าติดยา แต่คนเหล่านี้ก็ยังซ้อมกีตาร์วันละ 6-8 ชั่วโมง ทำมาแล้ว 10 ปีขึ้นไป ซึ่งนั่นก็คือ หนทางที่คุณจะต้องเดินไปถ้าอยากจะเล่นเก่งเหมือนอย่างเค้า (แต่ไม่เกี่ยวอีกนะครับ ว่าเล่นเก่งแล้วจะเท่ห์ + ได้ออกอัลบัมดังได้เหมือนเค้ารึป่าว มันเป็นคนละเรื่องกัน) ซึ่งกว่าคุณจะเล่นจนเก่งแบบนั้นได้แล้ว ขั้นต่อไป คุณยังต้องหาวิถีทางของตัวเองให้เจอ จนคนรู้ว่าสำเนียงกีตาร์แบบนี้เป็น signature ของเรา กว่าจะได้แบบนั้นเนี่ยต้องแลกด้วยความพยายามและหงาดเหงื่อที่มากมายขนาดไหน ...

ลองดูแบบจอน เมียง (John Myung) มือเบส วง Dream theater เล่นก็ได้คับ ว่าคนที่เล่นดนตรีเก่งมากๆ เป็นยังไง (จิงๆ Dream theater เค้าก็เมพทั้งวงอยู่แล้ว แต่ผมยกตัวอย่างมือเบส เพราะว่าการจะเล่นเบสให้โดดเด่น โดยไม่โดนเมพคนอื่นๆ ในวง กลบรัศมีเอามันยากมากๆ ครับ) เคยมีคนแซวว่า ถ้าอยากเล่นเก่งแบบนี้ก็ฝึกไปเลยคับ 24 ช.ม. ต่อวัน ซัก 3-4 ปีก็ได้ล่ะ (ประมาณ 30,000 ชั่วโมง++เอง หุหุ มากกว่าที่ Outliners บอกไว้อีก 3 เท่า)


5 Minutes to learn and a Lifetime to master:
_____________________________________________________

อีกตัวอย่างนึง คือ การเล่นหมากล้อม (โกะ) => หมากล้อมนี่เรียกได้ว่าเป็นหมากแห่งประสบการณ์เลยทีเดียว คุณไม่อาจจะวิ่งแซงคนอื่นได้เลยครับ คุณต้องหัดเล่นหัดเรียนรู้ไปทีละกระดาน ในช่วงเริ่มต้นหัดเล่นนั้นคุณยังเล่นไม่เป็นแน่นอน ถึงคุณจะไปเล่นกับระดับคิว (Kyu) เค้าต่อให้คุณลงก่อน 9 เม็ด เค้าก็กินคุณหมดกระดานอยู่ดีครับแน่นอน มันสู้กันไม่ได้เลย สมมติคุณเกิดชอบเล่นขึ้นมา คุณก็หัดเล่นต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะเล่นไป 500 – 1,000 กระดานแรกแล้วก็ตาม ถ้าเกิดคุณได้มีโอกาสไปเล่นกับโปรระดับดั้ง (Dan) ที่สูงๆ โดยที่เค้าต่อหมากให้คุณลงก่อน จะกี่เม็ดก็ตามคุณก็แพ้เค้าวันยังค่ำอ่ะคับ เรียกว่า มันสู้กันไม่ได้เลยครับ การจะชนะโปรโกะระดับสูงได้นั้นไม่มีคำว่าฟลุ๊คแน่นอนครับ

เพราะว่าอะไรครับ เพราะว่าหมากล้อมกระดานมันใหญ่มากขนาด 361 จุด ตาเดินตาต่อๆ ไปจะลงตรงไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นจำนวนความน่าจะเป็นในการลงเม็ดต่อๆ ไป ก็เหลืออีกแค่ 360! ซึ่งมีค่ามหาศาล (ประมาณ 10 ยกกำลัง768) กว่าที่สมองคุณจะคิดประมวลผลและจดจำรูปแบบของมันได้ ว่าวางหมากเม็ดนี้แล้วมันจะ effect ส่วนอื่นๆ ในกระดานยังไง แล้วหมาก
เม็ดต่อไปเราควรจะเล่นตรงไหนดี เราลงตรงนี้แล้วคู่ต่อสู้เราจะลงตรงไหนได้อีกบ้าง ควรจะคิดข้าม shot ไปอีกกี่หมากล่วงหน้า... ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หมากล้อมเป็นเกมส์ที่มีความลุ่มลึกและมีทางเลือกมากมาย ต้องใช้การศึกษาและฝึกฝนที่ยาวนาน แม้แต่ super computer ใดๆ ในโลก ก็ยังไม่สามารถเอาชนะ pro โกะระดับสูงแบบ 9 ดั้งได้เลยนะครับ (แบบไม่ต่อหมาก หรือ Handicap) #บทความอันนี้เขียนไว้เมื่อ 3 ปีก่อน แต่ตอนนี้ AlphaGo เอาชนะมนุษย์ได้ซะแล้ว เร็วกว่าที่คิดแบบไม่น่าเชื่อ (ตอนแรกในวงการฯ ประมาณการกันเอาไว้ว่าอย่างน้อยน่าจะซัก 10 ปี แต่ตอนนี้คอมฯ มันเริ่มคิดเอง ฝึกซ้อมเองได้แบบเก่งมากๆ แล้วนะครับ หึหึหึ น่ากลัวชิบ!)  

http://blog.kosatestudio.com/2016/03/12/how-alphago-work/


เพราะฉะนั้น เทียบกับการเทรดแล้ว ถ้าเราเก่งจริงๆ และไม่ประมาท เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวพวก HFT หรือ Algorithms ถูกมั๊ยล่ะคับ ยังไงสมองของคนเราก็ย่อมดีกว่าคอมพิวเตอร์อยู่แล้วโดยเฉพาะเรื่องการวางกลยุทธ์แบบซับซ้อน (และถ้าไม่มีเรื่องอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง + เราสามารถควบคุม Mental ตัวเองได้ดี) 
#อย่างที่บอกตอนนี้ HFT แทบจะกลายเป็นจักรกลสังหารอยู่ล่ะ อย่าประมาทล่ะกัน หึหึหึ

ในเกมส์ของการเทรดนั้น มันก็วิ่งอยู่บนกฎของความน่าจะเป็นต่างๆ นานา มีทางเลือกที่จะเกิดขึ้นมากมายหลายอย่าง ด้วยปัจจัยแวดล้อมสารพัดทั้งภายในและภายนอกตัวเรา ซึ่งในตอนที่เข้าตลาดมาใหม่ๆ ประสบการณ์ยังไม่มากมาย เราก็จะดูไม่ออกหรอกครับ ว่ามันจะมีเหตุการณ์อาไรเกิดขึ้นได้บ้าง แต่พออยู่ (รอด) ไปได้นานๆ เข้า เราก็จะเริ่มซึบซับมันเข้าไปทีละนิด ทีละนิด โดยปกติแล้วเหตุการณ์มันก็ต้องมีการเกิดขึ้นซ้ำๆ กันอยู่แล้วครับเป็นธรรมดา เกิดกลายเป็น รูปแบบ pattern ต่างๆ มากมาย ซึ่งต้องใช้เวลาในการซึมซับเข้าไปเรื่อยๆ จนถึงวันที่เราสามารถที่จะสร้างสรรค์วิถีแห่งการอยู่รอดและทำกำไรได้

สุดท้ายนี้ ผมเชื่อในกฎของการเรียนรู้และทำซ้ำเสมอครับ

"สิ่งที่ยากๆ ทำบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นง่าย สิ่งที่ง่ายๆ ทำบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นความเชี่ยวชาญ"


จึงขอจบบทความนี้ด้วยคำว่า “วิริยะ”
... ความเพียรชนะทุกสิ่ง ...


(Rerun)

https://www.facebook.com/PleaseMindYourTFEX/photos/a.341305102579369.81511.221405844569296/568467033196507/?type=3&theater

https://www.facebook.com/crazygoatbuster/



No comments:

Post a Comment