Saturday 31 May 2014

***May 31, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 10


"เวลา = เงิน, ผลตอบแทน
 ยิงแม่น = ประหยัดเวลา
 Leverage = ประหยัดเวลา"

 "ยิงไม่แม่น = เงิบ
  เทรดกินสวิง ,ไม่สวิง = เงิบ"

"Cash = ไม้ตายลับที่เอาไว้ล้มเจ้ามือ เราสามารถสู้กับเจ้ามือได้ไม่อั้น แม้ว่าเจ้ามือจะเทหมดหน้าตักแล้วก็ตาม"

"แผนการ = No Surprise"

"Leverage มีทั้งด้านปริมาณเงินและกรอบของเวลา (Time Frame)"

"KZM คือ Market Model => จำลองว่าตัวเองเป็นตลาด ซึ่งตลาดไม่มีวันผิด 555, ถ้าเทรดไม่ได้ตลอดแปลว่าทำผิด ถ้าไม่อมตะก็แปลว่าทำผิดเช่นกัน"

"เราชอบคาดหวังว่าจะให้ตลาดเป็นอย่างที่เราคิด แต่จริงๆ เราควรจะ take action ตามที่ตลาดเฉลย ไม่ใช่ตามที่เราคิด"

"ไม่มี Holy grail เพราะว่าจริงๆ แล้ว ไม่มีใครรู้อนาคต (ตอนแรกทำไมกรูคิดว่ามีฟระ!! นั่งหาตั้งนาน 555) เพราะฉะนั้นต้องมีแผนการ 1 2 3 ถ้าไม่เป็นแบบที่ 1 จะทำอะไร แล้วก็ทำตามแผนการ รักษาวินัยเอาไว้ให้ได้

"รักษาวินัยได้ ก็คือ รักษานิสัยที่ดีเอาไว้ได้ (จากแผนการที่ถูกต้อง)

ดังนั้นจึงไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับสถานการณ์, แผนการและประสบการณ์"


***May 30, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 9

ขอ 3M อีกแง่มุม

"Method = Odd วิธีการอาไรก็ได้ที่มันดีกว่าโยนหัวก้อย (ขนาดแทงบอลยังวิเคราะห์ได้เลย สลัด!!) คือ เป็นวิธีที่เราถนัด เราใช้แล้วได้เปรียบชาวบ้านว่างั้น"

"MM => การบริหารความเสี่ยงที่ดี เปรียบเสมือนเราเดินเล่นข้ามถนนในสนาม F1 ก็ยังสบายๆ ชิลๆ => เราต้องข้ามถนนตอนที่รถมันวิ่งมาแบบเร็วที่สุด วิ่งมาโดยไปแตะเบรคเลยก็ยังไม่ชนเรา (เราควรจะเล่นกะความเสี่ยงยังไง?)"

"Mental ล่ะ => ถ้าให้คุณเดินทรงตัวบนเสาคอนกรีตที่วางบนพื้นถนน ขนาดกว้างซัก 20 ซม. ยาว 10 ม. มันก็ไม่มีปัญหาอาไรใช่มั๊ยล่ะ แต่ถ้าเอาเสาต้นเดียวกันนี้ไปวางพาดระหว่างหน้าผาสองอันที่มองไม่เห็นก้นเหว คุณสามารถเดินข้ามได้ด้วยระดับ Mental เดียวกันมั๊ย (ต่อให้ไม่มีลมฝนแดด อาไรทั้งสิ้นด้วย)"

"มี Long 1 สัญญา ไม่ค่าไม่เท่ากับ มี Long 1,000 สัญญา และ Short 999 สัญญา, Net exposure = 0 ก็ไม่เท่ากับไม่มีสัญญาในมือ"

"ถ้า Mental คุณทนได้ แต่ port คุณทนไม่ได้ แปลว่าคุณคำนวณ MM ผิด แต่ถ้าคุณคำนวณ MM ถูก แต่ Mental คุณทนไม่ได้ แปลว่า ระดับ MM มันไม่ match กับระดับ Mental => ถ้าคุณ Copy ระบบ & MM คนอื่นมาบางทีที่มันใช้ไม่ได้ก็เพราะหยั่งงี้แหละ 555"

"ทำไม trader ที่เก่งๆ ถึงไม่ success ก็เพราะว่า Structure Portfolio ไม่เป็น"

"วินัย คือ ทำสิ่งที่ควรจะทำ แม้ว่าคุณจะไม่อยากทำมันก็ตาม"

Thursday 29 May 2014

***May 29, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 8

"ทุกสรรพสิ่ง คือธรรมชาติ เข้าใจธรรมชาติ เข้าใจทุกสรรพสิ่ง => มนุษย์เป็นเพียง subset ของธรรมชาติ"

"In the Zone พริ้วไหวดั่งสายน้ำ สภาวะจิตแผ่ซ่าน เข้าถึงกระแสแห่งวิถีทางนั้นๆ => เหมือนกับ NEO หลบกระสุน ไม่ต้องถึงกับเห็นภาพ slow motion หรอก"

"ในจุดที่เล็กที่สุด ยังมีการกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา"

"บางทีถ้าคุณทำเพื่อตัวเองคุณอาจจะคิดไรไม่ค่อยออก แต่ถ้าคุณคิดทำเพื่อผู้อื่น ความคิดกลับพรั่งพรู"

"สติจับที่ฐานกาย จุดไฟภายในเผากิเลส โลภ โกรธ หลง กลัว"

"มนุษย์คิดว่าตัวเองเป็นสัตว์แห่งเหตุผล แต่จริงๆ แล้วเป็นสัตว์แห่งอารมณ์"

"ตลาดไม่มีวันสมบูรณ์ และโลกก็ไม่มีวันยุติธรรม"

"ยิ่งรีบ ยิ่งช้า"

"Learning by Doing  เน้นการฝึก ไม่มีทางลัด => 50,000 orders ยิงมันเข้าไปสิ 555"

ความเหลื่อมล้ำของทุนนิยม: ตามหลักธรรมชาติ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ย่อมไม่มีที่ให้ต้นไม้เล็กอยู่ ที่อยู่ได้ก็มีแต่พืชคลุมดินเล็กๆน้อย เพราะยิ่งต้นไม้ใหญ่เท่าใด ก็จะแผ่กางใบทำให้แสงแดดตกลงมาไม่ถึงพื้นดินยากที่ต้นไม้เล็กจะโตทัน และยังมีรากแขนงที่แข็งแรง ดูดแย่งอาหารจากดินได้มากกว่าต้นไม้เล็ก และยังมีคนสวนช่วยดูแล ถอนต้นไม้เล็กอีกต่างหาก   Cr:คุณอบอุ่น ไม่มีเปลี่ยนแปลง

Wednesday 28 May 2014

***May 28, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 7

"ถ้าคุณรบเก่งเท่ากัน ใครบริหารทรัพยากรได้ดีกว่าคนนั้นชนะ"
"ถ้าคุณบริหารทรัพยากรเก่งเท่ากัน ใครรบเก่งกว่าคนนั้นชนะ"

"จิตใจที่เข้มแข็ง สมาธิที่สมบูรณ์ แผนการที่ยอดเยี่ยม ต่อให้ไม่มีกราฟเลยก็เทรดได้"

"การเทรดกิน Vol เช่น มีกระสุน 5 นัด ช่วยกันกิน Vol นัดละ 20% เมื่อรวมกันได้ 100% ก็จะได้กระสุนฟรีอีก 1 นัด ต่อไปก็จะเหลือ 100%/6 ก็ทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนมีกระสุนเยอะมาก"

"ความเพียร ชนะทุกสิ่ง => To be a Master"

"ทำ Pure Alpha 5 กองแทน Beta ก็ได้ ใช้ Re-balancing ช่วยแทน สบายๆ"

"ความสำเร็จเกิดจากคุณลักษณะนิสัยที่ดี, รักษาวินัย คือ การรักษานิสัยที่ดี => Focus on process, not result"

"ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีการอะไร ยังไงคุณก็ผิด เวลาถูกมันไม่มีปัญหาหรอก แต่เวลาผิดแล้วคุณจะแก้ยังไงตะหาก"

"ไม่ cut ไม่เสียตังค์ แต่เสียเวลาแทน ถ้าคุณยิงแม่น คุณก็ไม่เสียเวลา ทรัพยากรมีเท่ากัน 100% ใครจะใช้ประโยชน์ได้สูงสุด"

Tuesday 27 May 2014

***May 27, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 6


"ทุกอย่างมาจากความคิดและจินตนาการ เพราะฉะนั้นคนเราจะแพ้ชนะกัน รากมันก็มาความคิด"

"ผมต้องการชนะด้วยการวางกลยุทธ์ที่แม้เปิดหน้าไพ่ให้ศัตรูรู้ ก็ยังทำอะไรเราไม่ได้"

"ใคร against กรู, ยูต้อง paid"

"อย่าผูกวิธีการเทรดให้อยู่กับการแพ้ชนะ แต่ให้อยู่ที่การจัดสรรทรัพยากร"

"3M คือ ความเชี่ยวชาญในวิธีการรบ การบริหารจัดการทรัพยากร และวิสัยทัศน์รวมถึงความเป็นผู้นำ"

"จงเป็นศิลปิน (Conductor) ไม่ใช่เครื่องจักรสังหาร"

"สิ่งใดที่เรากลัว จงวิ่งเข้าหา"

"เราอยู่ในโลกทุนนิยมที่แย่งชิงทรัพยากรกัน โดยกิเลสของมนุษย์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดและหมุนวนเป็นวัฏฏะ"

"ต่อให้คนที่โง่ที่สุดในโลก มาทำสิ่งที่ยากที่สุดในโลก ก็ใช้เวลาไม่เกิน 7 ปีที่จะทำสำเร็จ ถ้าตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง บนฐานของอิทธิบาท 4"

"อย่าชนะศึก แต่แพ้สงคราม"


คนฉลาดสมองเฉียบแหลม เขาจะเล่นหมากรุกชนะเกมส์คนที่เป็นเพียงมือสมัครเล่นทุกกระดาน เพราะว่าผู้เล่นสมัครเล่น จะเอาแต่ความมันสะใจ โดยไม่คำนึงถึงว่า วันหน้าจะเดินหมากอีท่าไหน
ทำไมเมื่อรบกัน แม้ทหารมีกำลังน้อยกว่า ถึงชนะกองโจรได้ คำตอบคือ ความอดทน, กลยุทธ์, ระเบียบวินัย ,การเชื่อถือในผู้นำ ฯลฯ และที่สำคัญ ทหารจะไม่ระแวงในตัวผู้นำทุกกรณี


Sunday 25 May 2014

***May 25, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 5

  • ว่าด้วยเรื่องของ Mindset (ส่วนหนึ่ง)


  • การเทรดจะมองเป็นเรื่องเก็งกำไรก็ได้ แต่ไม่อยากให้มองแค่ว่า เทรดผิดก็ stop loss เทรดถูกก็ได้กำไร อาไรแบบนั้น อยากให้มองเหมือนเป็นการทำ business หรือ ตั้งกองทุนขึ้นมา โดยวัตถุประสงค์ของธุรกิจหรือกองทุน เพื่อการครอบครองสินทรัพย์อย่างใดอย่างหนึ่ง


  • หน้าที่ของเรา คือ สร้าง Model อมตะ แล้วเอาไปครอบลงในสินทรัพย์ที่เราต้องการ หลังจากนั้นก็ปั่น Cashflow ออกมาเรื่อยๆ เพื่อลดต้นทุนในมือเรา จนต้นทุนสินทรัพย์นั้นเหลือ = 0 ก็คือ ได้สินทรัพย์นั้นไปฟรีๆ หลังจากนั้นเราก็ย้าย Model อมตะไปครอบลงในสินทรัพย์ที่เราต้องการตัวต่อไป ก็ทำซ้ำๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จน Assets ในมือเรามีเยอะมาก [แถมยังได้ Capital gain, ค่าเช่า, ปันผล, ดอกเบี้ย จากสินทรัพย์นั้นๆ อีก]
  • สินทรัพย์ที่ว่านั้น ยกตัวอย่าง เช่น Commodity, เงินสกุลต่างประเทศ, หุ้นที่ให้ปันผลสูงๆ Brand แกร่งๆ หรือสินทรัพย์อาไรก็ได้ที่คิดว่าเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด หาได้ยาก และไม่มีวันแจกฟรีไม่ว่าโลกนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม [เพราะถ้าคุณเข้าใจ Model อมตะแล้ว จะเอาไปทำกับสินทรัพย์อื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน เช่น ที่ดิน, ทองคำแท่ง, อพาร์ทเม้นท์ให้เช่า, ธุรกิจ Startup ฯลฯ เพียงแต่สภาพคล่องมันน้อยกว่าพวกตราสารทางการเงินเท่านั้นเอง]

  • หน้าที่เราคือ ลดต้นทุนสินทรัพย์ที่เราต้องการครอบครอง แล้วหลังจากนั้นก็เพิ่มปริมาณในมือ
  • เรื่องพวกนี้ ทำให้ทุก order ในการเทรดที่เรายิงออกไป ต้องบันทึกบัญชีอย่างละเอียดทุก order

  • รวมถึงบันทึกการเทรดด้วย
  • การเทรดจึงเป็นเรื่องที่ long term มากๆ ต้องอาศัยทั้งวินัยและความสม่ำเสมอ ความอดทนขั้นสูง และจิตใจที่เข็มแข็ง ไม่แพ้อาชีพยากๆ ใดๆ ในโลกนี้
  • ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ต้องวางกลยุทธ์ วางแผนการเทรด ทำการบ้าน ลงบัญชี อ่านหนังสือ ออกกำลัง นั่งสมาธิ เจริญสติ ไปจนถึงวางแผนการนอน









Thursday 22 May 2014

May 22, 2014 - Mental สมบูรณ์

เทรดมาก็หลายปี
ล้างพอร์ตมาก็นับไม่ถ้วน
มีปีนี้นี่แหละ ที่เริ่มรู้สึกว่าเทรดเป็นล่ะ 555
ตั้้งแต่สร้าง Portfolio structure เสร็จ + Re-balancing เป็น
รู้สึกว่า Mental สมบูรณ์มาก ควบคุมความโลภและความกลัวได้ค่อนข้างดีเลย

ความกลัวที่จริงยังมีเหลืออยู่ คือ กลัวกระสุนจะติดบ้าง เวลาที่ราคาอยู่บนๆ ไม่กล้ายิงเท่าไหร่ กลัวกระสุนติด ทำให้เสียโอกาสอยู่เหมือนกัน ต้องแก้ Mindset + ทำการบ้านเพิ่ม

ส่วนความโลภนั้นแทบจะไม่มีเหลือล่ะ ในแง่ของผลกำไร แต่ดันไปโลภตอนแกะงบแทนเพราะว่า เฮ้ย!! ทำไมบริษัทฯ มันดีจังวะ กำไรโคตรดี ปันผลโคตรเยอะ อยากเป็นเจ้าของอ่ะ ตัวนู้นก็อยากได้ ตัวนี้ก็อยากได้ เลือก alpha กันไม่ถูกเลย 555

ที่เหลือ คือ สร้าง Format การบันทึกบัญชีให้ดีๆ กรอกง่ายๆ ดูง่ายๆ

ลดจำนวนตัวที่เทรดลงอีกหน่อย จะได้ Focus มากขึ้น Monitor ง่ายๆ

และการจัดสรรเวลาในการ monitor port และตารางทำการบ้าน ยังสะเปะสะปะอยู่

Wednesday 21 May 2014

***May 21, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 4

"ทุกคนไม่อยากผิด หลายคนกลัวความผิดพลาด เพราะฉะนั้น คุณต้องออกแบบกลยุทธ์ให้ถ้าคุณถูกคุณจะได้ผลตอบแทนอย่างรวดเร็วแต่ไม่มาก (เพราะมันเร็ว) ถ้าคุณผิดคุณจะมีโอกาสได้ผลตอบแทนสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่คุณผิด => แปลได้ว่า กรูไม่อยากถูกเพราะมันได้น้อย กรูอยากจะผิด จะได้ๆ เยอะๆ 555 => คราวนี้โลกมันก็จะแปลกตรงนี้ล่ะ ถ้าคุณอยากจะผิด คุณก็จะถูกไปเรื่อยๆ -*-"

"สิ่งที่ผมอยากจะได้จริงๆ ก็คือ กระสุนฟรีแบบอมตะมหานิรันดร์กาล อิอิ"

"ในทฤษฎีเกมส์บอกว่า ทุกคนย่อมอยากจะเอาชนะ ก็เลยพยายามคิดค้นหาวิธีการที่ดีที่สุดออกมาสู้กัน เพราะฉะนั้นวิธีการที่ดีที่สุดจึงมักได้ return ต่ำ เพราะว่ามันเฉือนกันเอง (เค้กมันมีจำกัด) เพราะฉะนั้น return จึงตกไปอยู่กับวิธีธรรมดาๆ ที่หลักการถูกต้องแทน ดังนั้น Keep it Simple จึงใช้ได้เสมอ"

"คุณเป็นมนุษย์ไมอีลิน ทุกครั้งที่ผมฝึกฝน คิด พูด ทำ อยู่ในจุด sweet spot มันจะทำให้ไมอีลินของผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"

"กินสวิง กิน Vol กินความโลภ กินความกลัว กินความไม่สมมาตร กินความไม่สมบูรณ์ กินความไม่ประสิทธิภาพของตลาด กินความเชื่อ กินความไม่เชื่อ กินอคติ"

Tuesday 20 May 2014

***May 20, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 3


"พอวาง Portfolio structure ได้ถูกต้องหรือดีแล้ว ถ้าเจ้ามือไม่ล้มโต๊ะ ทุนนิยมไม่ล่มสลาย บริษัทฯไม่ล้มละลาย ก็ไม่ต้องกลัวอาไรล่ะ 555 => เพราะจริงๆ แล้วการเทรดมันก็คือ การกินสวิง หรือ Volatility บนราคาของสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่งแค่นั้นเอง => So, It's just a number" "คุณต้องสร้างสภาพแวดล้อมในการเทรดของคุณขึ้นมาเอง สร้างเกมส์ที่ไม่มีใครสามารถมาบีบ (mental) คุณได้ เกมส์ที่ Mental ของคุณสมบูรณ์ 100%" "ระดับ MM มันต้องเหมาะกับ Mental ของตัวเอง แต่ละคนมันไม่เท่ากัน"

"คีย์จริงๆ อีกอันก็คือ การกำหนดกรอบการเทรด"

"ถ้าคุณยิงไม่แม่น, cost ของคุณ คือ เวลาที่กระสุนติด แต่ไม่เสียเงินที่ stop loss <=>แลกกัน"

"เหตุผลที่เราฝึก sniper ก็เพื่อความแม่นนั่นเอง แล้วก็ออกแบบให้ระบบไม่มี stop loss แต่เป็น bullet แทน"

"ถ้ายิงแม่น ถูกบ่อยๆ Bullet มันก็จะงอกออกมาเรื่อยๆ เอง ยิงไม่แม่นก็เงิบ (เสียเวลาที่ควรจะได้เงิน) ไป" "Skill + ประสบการณ์ + เวลา = Cashflow or Port growth"
"เพราะฉะนั้นรู้จริตตัวเอง แล้วก็ design ระบบ กะ MM ให้มันถูกจริตตัวเอง นี่ล่ะ มันก็ไม่ฝืน มันก็จะทำตามได้ ไม่แหกกฎ"

Sunday 18 May 2014

***May 19, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 2

"คุณใช้เวลานานเท่าไหร่ในการ สร้าง Portfolio structure ที่ถูกต้องและเหมาะสมกับจริตของคุณ"

"Skill การเทรด รือจะสู้กับแผนกลยุทธ์การเทรดและ MM ขั้นเทพได้"

"ถ้าคุณไม่ชอบ Stop loss ก็อย่าไปเทรดแบบที่มันมี Stop loss สิ เสียจริตหมด"

"จริงๆ ก็ไม่ได้ (เก่ง) ต่างกันเท่า่ไหร่หรอก พออยู่ในระดับสูงแล้ว จริงๆ เค้าวัดกันว่าใครเพลี้ยงพล้ำหรือทนไม่ไหว แล้วโดนลงโทษตะหาก"

"ความสำเร็จมาจากการสร้างลักษณะนิสียที่ดี"

"ผมได้บอกเลยว่า คุณจะเทรดได้สำเร็จคุณต้องสร้างภาพให้หัวขึ้นมาให้ได้ชัดเจนจริงๆ ก่อนว่าจะเทรดยังไงให้ชนะแบบชัวร์ๆ, เอ๊ะ!! แล้วมันมีแบบชัวร์ๆ ด้วยหรอวะ"

"กราฟมีแค่ขึ้นกับลง แย่สุดก็คือหายไปจากสารบบ => คุณจงสร้างลู่วิ่งของคุณเอง อย่าเดินตามใคร, ผมหมายถึงสร้าง Universe ของคุณเอง"

"Professional: Trading like a business, not speculate => Sunk cost & Start-up fees, Time (value of money)"

"Be a Risk Master, Capital Preservation => Survive first, Profit Later"

Saturday 17 May 2014

***May 18, 2014 - คุณรู้อาไรเกี่ยวกับการเทรดบ้าง ตอนที่ 1

เปลี่ยนใหม่เขียนเป็น Series มั้งดีกว่า อิอิ

ผมเคยเล่นหุ้นตัวแรกในชีวิต คือ IPO ของการบินไทย ตั้งแต่ตอนยังเป็น ด.ช.อายุสิบนิดๆ เท่าไหร่จำไม่ได้ตอนนี้ก็ผ่านมา 20 ปี++ ล่ะ ตอนนี้หุ้นการบินไทยเป็นยังไงบ้างคงรู้กันดี ตอน IPO หุ้น 60 บาท จำกัดให้คนซื้อได้คนละ 200 หุ้น แย่งกันจะเป็นจะตาย 555

กิจการที่ดีเหมือนกาลเวลาพิสูจน์ม้า!! ระยะทางพิสูจน์หุ้น!! เอ๊ะ 555
อาไรที่มันดีและอยู่บนหลักการที่ถูกต้อง สุดท้ายมันจะเติบโตและงอกเงย
อาไรที่ไม่ดีรวมถึงหลักการไม่ถูกต้อง ก็ทำได้แค่ประคองตัว ค่อยๆ ตกต่ำ และรอวันล่มสลาย

ที่บ้านตอนนั้นมีหุ้นตัวเด็ด คือ ภัทรธนกิจ ไฟแนนซ์อันดับ 1 ของประเทศ ราคาหุ้นพุ่งกระฉูด นึกว่ารวยแล้วกรู สุดท้ายแล้วใบหุ้นมันก็เป็นแค่เศษกระดาษ บ้านผมเจ๊งหมดตัวไปกับหุ้นตัวนี้

สมัยเรียนตั้งใจเรียนด้านการเงินเพื่อจะทำงานเกี่ยวกับทางด้านหลักทรัพย์ แต่จบออกมาช่วงต้มยำกุ้ง ไฟแนนซ์ปิดไป 56 แห่ง บล. บง. เจ๊ง lay off กันระนาว เราเด็กจบใหม่ สมัครงานไปไม่เคยมีใครเรียก สุดท้ายเลยหนีไปทำ IB ดีกว่า ทำด้านปรับโครงสร้างหนี้ แผนฟื้นฟูกิจการ ช่วยเหลือบริษัทที่กำลังจะเจ๊งแทน ช่วงทำ IB ก็เป็นช่วงที่ได้เรียนรู้อาไรเยอะ งานก็หนักแบบเลือดตาแทบกระเด็น กลับบ้านเที่ยงคืน โดยเฉลี่ย ตีสามตีสี่บ้าง ทำยันเช้าบ้าง ทำติดๆ กัน 7 วันนานเกือบ 2 เดือนก็มี ทำจนสายตาสั้นเลย แม่ม!

การดูหุ้นสมัยนั้นไม่มีกราฟครับ มีแต่กล่อง teletext ตอนนั้นก็หรูสุดแล้ว (ดีกว่าดูตัววิ่งในช่อง 9 เยอะ!!)

ตำราเรื่องหุ้นสมัยนั้นไม่มีครับ มีแต่ของหนังสือ กากๆ ไรก็ไม่รู้ หุ้นก็ปั่นกันระเนระนาด
เคย XEROX หนังสือวิธีการอ่านแท่งเทียนมาจากห้องสมุดตอนเรียนปี 4 แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหน เรียนจบมาเกือบ 10 ปี รายย่อยถึงจะเพิ่งได้มีปัญญามีกราฟแท่งเทียนเอาไว้ดูเองที่บ้านได้!!! เรียน option มาเกือบ 20 ปีที่แล้ว แต่บ้านเราก็ยังไม่มีสภาพคล่องเพียงพอ!!!

สาย VI ก็เริ่มกำเนิดก่อน เพราะบ้านเรายังไม่มีกราฟให้รายย่อยดู จนเริ่มมีกราฟให้ดู สาย technical จึงเริ่มตามมา เมื่อก่อนก็มีแต่ตำรา VI เต็มบ้าน หลังๆ ก็มีแต่ตำรา Technical เต็มบ้าน

สุดท้ายก็ค่อยมาเรื่อง MM และ Mental ในที่สุด ซึ่งเรื่องพวกนี้เค้าไม่ค่อยสอนกัน ตำราก็ไม่ค่อยมี มีก็บอกไม่หมด หาคนรู้จริงก็ยาก... เพราะถ้าใครได้ความรู้พวกนี้ไป ก็เท่ากับได้มหาขุมทรัพย์ไว้ในครอบครอง...  บางคนก็คิดว่ารู้จริงแล้วแต่จริงๆ แล้วมันอาจจะยังไม่ใช่ก็ได้... เพราะตลาดจะซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่รู้จักเตรียมพร้อม ปรับตัวและเปลี่ยนแปลง

ถึงช่วงวิกฤตจริงๆ ถึงจะวัดกันได้ ถ้าใครไม่ได้เตรียมโหมด survival ไว้ อาจจะไม่รอด... นะคับ

Friday 16 May 2014

May 17, 2014 - เรื่องเบาๆ กันบ้าง


พอดีช่วงนี้ภรรยาไปเที่ยวญี่ปุ่นท้ั้งครอบครัว
ตอนดึกๆ ก็เลยพอมีเวลาบ้าง เลยไปเอา prison break ที่ดูค้างไว้มาดู
แม่ม!! ในชีวิตมีปัญญา+เวลาได้ดู series เมกา เรื่องเดียวดูมา 5 ปีล่ะ ยังไม่จบเลย
ดูถึง season 4 ช่วงปลายปี ตั้งแต่สองปีก่อน ปีนึงได้ดูประมาณแผ่นสองแผ่นได้ 555
เกือบจบแล้วโว้ยย

เกาหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นะครัชช สู้จนตัวตาย...












Tuesday 6 May 2014

***May 6, 2014 - ตัวกู จิตกู

อยากจะเขียนเรื่องธรรม (ชาติ) ในระดับที่เราพอจะเข้าใจในระดับหางอึ่งเก็บเอาไว้อ่านบ้าง
เวลาน้อย ต้องเขียนเร็วๆ ลวกๆ อีกล่ะ

เมื่อคืนตอนจิตเกิดอาการก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆ
ก็พบว่าในความเป็นจริงแล้ว เราแม่มก็บังคับจิตตัวเองไม่ได้นี่หว่า
เวลามันจิตมันจะเสวยอารมณ์ก็ไปห้ามไม่ให้มันเสวยไม่ได้ 555
ก็แปลว่าจริงๆ แล้วจิตกรูแม่งก็ไม่ใช่ของกรูนี่หว่า เพราะถ้าเป็นของกรูจริงๆ กรูต้องควบคุมมันได้ 100%
แต่นี่เราทำได้จริงๆ แล้วมีแค่เพียงแยกตัวรู้ (สติ) ออกมาดูมัน (จิตที่กำลังเกิดอาการ, เสวยอารมณ์)
ก็ทำได้เท่านั้นจริงๆ พอดูมันไปเรื่อยๆ เด่วจิตมันเบื่ออารมณ์ที่เสวย มันก็หายบ้าไปเอง
ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ (แต่ถึงอยากจะคงอารมณ์นั้นไว้ก็ทำไม่ได้เช่นกัน)
เปรียบเทืยบง่ายๆ ก็คือ เราควรเป็นดูหนังแบบไม่อิน อย่าพยายามเป็นพระเอกลงไปเล่นเอง

เพราะฉะนั้นๆ สภาวะของจิตที่ดีที่สุดก็คือ สภาวะกลางๆ ไม่มีอาการ ไม่เสวยอารมณ์
การใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งใดๆ ก็จะไม่มี Bias สามารถมองเห็นได้ตามความเป็นจริง
(ที่สำคัญ คือ อย่าหลอกตัวเอง ว่ากรูไม่ได้ Bias นะ)

คราวนี้มาดูเรื่องการควบคุมสิ่งที่คิดว่าเป็นของเรา 100% บ้าง แล้วเราควบคุมมันได้ 100% จริงไหม
ตัวเรามีไรบ้าง หลักๆ ก็มีร่างกาย (ขันธ์ 5) จิต และความคิด
อย่างถ้าเรารู้ว่าเราจิตแข็ง เราก็จะคิดว่าควบคุมจิตเราได้ทั้งหมดใช้มั๊ย แต่จริงๆ ก็ยังควบคุมไม่ได้
เหมือนเหตุการณ์ตอนนอนเมื่อคืน ที่เราไม่สามารถห้ามไม่ให้จิตไปเสวยอารมณ์ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น หงุดหงิด ไม่ได้ดั่งใจได้

แล้วความคิดล่ะ เราป้องกันไม่ให้คนอื่นควบคุมความคิดเราได้ แล้วเราควบคุมไม่ให้มันคิดชั่วได้ 100% มั๊ยล่ะ อาไรที่เรากดมันเอาไว้ บางทีมันก็ยังแอบแว๊บขึ้นมาได้เรื่อยๆ (หินทับหญ้า) หรือเหมือนกับบางทีเราอยากจะทำจิตว่าง แต่ความคิดแม่มก็จะผุดขึ้นมาอยู่นั่นแหละ ควบคุมไม่ได้ แต่ถ้าทำสมาธินิานๆ ความคิดจรมันก็จะหายไปเอง เพราะเราอาจจะไป focus ที่ลมหายใจแทน หรือจุดใดจุดหนึ่งแทน

แล้วอย่างร่างกายล่ะ เราสั่งให้มันยกมือ เดินเหินอาไรก็ได้ใช้มั๊ย แต่เราบังคับไม่ให้มันไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ไม่ได้

เพราะอาไร ก็เพราะทุกอย่างมันตั้งอยู่บนกฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
คือ ไม่เที่ยง เพราะมีการหมุนของเวลา ทำให้ทุกอย่างมีการเคลื่อนไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีผลให้ต้องเสื่อมลง หรือเปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถคงอยู่ได้อย่างถาวร มีลักษณะที่เป็นทุกข์เห็นแล้วน่าสังเวชน่าเบื่อเพราะวนอยู่ในสังสารวัฎแบบเดิมๆ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และไม่ใช่ตัวตน เพราะจริงๆ แล้วเราไปบังคับอาไรมันไม่ได้เลย (แต่มันชอบหลอกเรา ว่าเราทำอาไรๆ ได้ดั่งใจ)

ยกตัวอย่าง สมมติว่าตอนนี้เรามีความสุขมาก หน้าที่การงานดี ความรักดี มีเงินทอง ครอบครัวอบอุ่น พ่อแม่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง มีความสุขดีทุกอย่าง ไม่มีความทุกข์ร้อนใจใดๆ เราก็อยากจะ Freeze สภาพที่ดีๆ ทั้งหลายนี้เอาไว้ทั้งหมดใช่มั๊ย แต่มันก็ทำไม่ได้ พอเวลาหมุนไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหมดไม่สามารถคงสภาพอาไรได้ บังคับอาไรใครก็ไม่ได้ เดี๋ยวก็ทุกข์อีกล่ะ ไอ่นู่นไม่ได้ดั่งใจ เด่วก็เจ็บป่วย เสียเงินเสียทองอีกล่ะ ญาติพี่น้องก็ค่อยๆ เจ็บป่วย ล้มตายไปเรื่อยๆ บังคับอาไรไม่ได้เลย
(ในทางกลับกัน เวลาที่ทุกข์มากๆ ไม่มีทางออก ก็ไม่ต้องพยายามไปทำอาไร เดี๋ยวทุกอย่างมันก็เสื่อมสลายหายไปเองเช่นกัน ไม่สามารถ Freeze ความทุกข์แสนสาหัสเอาไว้ได้ตลอด)

เพราะฉะนั้นแก่นจริงๆ ก็คือ เราคาดหวังว่าอยากจะให้ทุกอย่างมันเป็นอย่างที่ใจเราคิด ดีครบถ้วน สมบูรณ์ แต่ทุกอย่างมันเคลื่อนออกไปเรื่อยๆ ตลอดไม่สามาถ Freeze สภาพที่ดีที่สุดเอาไว้ได้ แม้ว่าเราจะพยายามอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม ใจเราก็เลยมักจะเป็นทุกข์เสมอ เพราะว่าเรามักจะไปคาดหวังอยากให้มันเป็นแบบนั้นแบบนี้ (อย่างได้ดั่งใจ = ควบคุมได้ (ดั่งใจ) = ความแน่นอน) บนสิ่งที่มันเอาแน่เอานอนอาไรไม่ได้เลย (กฎไตรลักษณ์ = ความไม่แน่นอน) สรุปง่ายๆ ว่าอยากได้อะไรที่มันแน่นอน ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มันเคยมีความแน่นอนเลย มันก็เลยเป็นไปไม่ได้ ไม่รู้จะใช้คำว่าไรดี เหมือนกับเราต้องการ Freeze หยุดกาลเวลาอาไรแบบนั้น ซึ่งในโลกที่กายหยาบแบบนี้มันทำไม่ได้ มันไหลและเสื่อมลง เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไปอยู่ตลอเวลา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำได้จริงๆ ก็คือ ใส่ input ทุกอย่างให้มันดี แต่ไม่ต้องหวัง output ว่ามันจะออกมาดีหรือไม่ (แต่ถ้าเชื่อให้กฎแห่งกรรม วันนี้กรรมดีอาจจะยังไม่ส่งผล แต่ถ้าเราอัดแต่ input ดีๆ เข้าไปตลอด (ทาน ศีล ภาวนา => ศีล สมาธิ ปัญญา) สุดท้าย output แย่ๆ ก็จะไม่ค่อยออกมาแระ เรียกว่าอัด speed กรรมดี หนีกรรมชั่ว หรือใส่น้ำดีเข้าไปเยอะๆ ให้น้ำเสียมันเจือจาง) ทวยเทพเทวดาก็เริ่มมาปกป้องคุ้มครอง, slogan ของผมก็คือ กรูทำดีไว้ก่อน ผลจะดีหรือไม่ดีก็ช่างแม่ม!! ก็คือ เลิกทำกรรมชั่วให้หมด หยุดสร้างเวรสร้างกรรม อาไรที่เค้าสอนว่าทำแล้วไม่ดีก็อย่าไปทำ รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ หมั่นทำทานละความตระหนี่ในใจ แล้วท่องเอาไว้ว่าชาตินี้กรูขอชาติสุดท้่ายล่ะนะ กรูเบื่อล่ะโลกมนุษย์ ยากดีมีจน ชื่อเสียง สุขทุกข์ อาไรๆ สุดท่้ายมันก็เท่านั้นแหละ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ เกิดใหม่ก็จำไรไม่ได้อีก แม้คนรัก พ่อแม่พี่น้องชาตินี้ ตายไปชาติเกิดใหม่ก็จำกันไม่ได้แระ (จิงๆ ทุกคนเราก็พี่น้องกันหมดนะ) พอเกิดมาใหม่ก็มาทำงาน แต่งงานมีลูก ป่วย แก่ ตาย วนไปวนมาซ้ำซากน่าเบื่อ ไม่มีสิ่งใดที่เป็นสาระให้น่ายึดติดได้เลย (จิงๆ ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็ คือ ถ้าเกิดเราทำพลาดขึ้นมาทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ก็ซวยอีก เกิดใหม่ก็อาจกลายมาเป็น หมู หมา (ขี้เรื้อน) กา ไก่ ถ้าพลาดหนักๆ ก็ลงนรกยาวเลย ไม่ต้องผุดต้องต้องเกิดกันอีกนานแสนนานเลยทีเดียว ทรมานหนักด้วย)


"ถ้าจิตวิญญาณคุณถูกเผาไหม้อยู่ในขุมนรก คุณจะสามารถมีความสุขได้มั๊ย?"

"ผู้ชนะที่แท้จริง คือ ผู้ที่ยอมให้ศัตรูสามารถเอาเปรียบตัวเองได้อย่างเต็มใจ"


เมื่อกี้ข้างบนเราบอกว่าตัวเรามีไรบ้าง หลักๆ ก็มีร่างกาย (ขันธ์ 5) จิต และความคิด
แต่ยังขาดอีกตัว ก็คือ ตัวสติ คือเป็นตัวรู้คอยดึงเราไว้ไม่ให้บ้า คอยกันไม่ให้จิตและความคิด อารมณ์ผสมกันเป็นตังเม เพราะฉะนั้นหน้าที่เราอีกอย่างก็คือต้องฝึกให้ตัวสติแข็งแกร่ง (สติปัฎฐาน4) ไว้เป็นตัวคอยตัดอารมณ์ ความคิด โลภ โกรธ หลง ปัญญาอ่อน อาไรต่างๆ ทิ้งไปซะ ไม่ให้มันมาเกาะกินใจ ให้ใจมันอยู่ในสภาวะที่กลางๆ ให้ได้ตลอด
สุดท้ายก็คอยใช้ปัญญาพิจารณาว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้ เห็น ได้ยิน ได้กิน ได้สัมผัส สุดท้ายมันก็เท่าน้้น ไม่มีอาไรเที่ยงแท้ยั่งยืน ตัวเราเองก็ไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน ก็ทำไปเรื่อยๆ สุดท้ายมันก็จะเบื่อโลก คลายกำหนัดไปเอง ไม่มีอะไรให้น่าลุ่มหลงยึดติด สุดท้ายก็จะไม่มีเรื่องอาไรให้ surprise อีกแล้วในโลกใบนี้

เขียนลวกๆ งงๆ ไม่ได้ขัดเกลาภาษา เก็บไว้ก่อนนะคับ บรรยายยากจิงเรื่องนี้ งูๆ ปลาๆ มาก