Friday 22 September 2017

ภาค Reborn - เหนื่อยนักพักก่อน #6

ไม่ได้เขียน Blog นานอีกล่ะ ฮาๆ

ว่าจะเขียนเรื่อง Mind set, Mental ซะหน่อย แต่เริ่ม step คิดมากอีกล่ะ
กลัวเขียนออกมาไม่ดี นู่นนี่นั่น ผลัดไปเรื่อย ฮาๆ 

ในระหว่างนั่นเองช่วงที่งาน Freelance FA เริ่มซา ตลาดก็เงียบๆ และฝนตกก็ทุกวันเมื่อ 3 เดือนก่อน
อยู่ดีๆ ที่มีโทรศัพท์จากหัวหน้าเก่าคนแรกที่เคยทำงาน IB ด้วยกันซัก 15-16 ปีที่แล้วโทรมาหา
ถามว่าตอนนี้ว่างอยู่ใช่มั๊ีย ไม่ได้ทำงานประจำใช่มั๊ย มาช่วยพี่หน่อยเถอะ ด่วนๆๆ มาหาพี่พรุ่งนี้เลยนะ

คือเรื่องมันมีอยู่ว่า พี่เค้าเพิ่งจะเข้าไปรับตำแหน่งใหญ่โตในองค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง แต่...
องค์กรดันกำลังมีวิกฤต คนในฝ่ายพวกที่ทำ Analyst, Risk management จากเดิมที่มี 7-8 คน
ลาออกไปหมดเลย เหลือน้องเล็กซึ่งก็เข้ามาทำงานได้ไม่นานอยู่คนเดียว  

ซึ่งถ้าพี่เค้าจะลุยต่อ อย่างน้อยต้องมีคนมาช่วยดู ช่วย run ตัวเลขพวก Financial Model 
เพราะต้องทำแผน turnaround เสนอบอร์ด บวกกับแผนนู่นนี่นั่น อาไรอีกมากมายตาม scenario ต่างๆ
เพราะน้องเล็กที่ทำอยู่คนเดียวนั่นมันจะตายอยู่แล้ว แล้วพี่เค้าก็ดูตัวเลขวิเคราะห์ไม่ทันแล้วด้วย

พอฟัง brief จบ นี่คิดในใจเลย "นี่มันงานนรกชัดๆ" (อยากจะตอบพี่เค้าไปว่า ไม่ทำได้มั๊ยเนี่ย 555)
แต่ไหนๆ ก็รับปากพี่เค้าไปแล้วว่าจะช่วย ก็เลยเอาไงเอากัน 

ไหนๆ ตลาดมันก็เงียบๆ ไม่ค่อยสวิง น่าเบื่อจะหลับ
ฝนก็ตกทุกวัน ไงๆ ก็ไม่ได้ไปซ้อมวิ่งแล้วล่ะ เอาก็เอาว่ะ

พอถัดไปอีกวันนึงก็เริ่มงานเลย ไปนั่งประจำเหมือนพนักงานออฟฟิศทำ Full time
ลองนึกสภาพคนที่ไม่ได้ทำงานประจำมา 7-8 ปีแล้ว กลับไปนั่งทำออฟฟิศนี่ดูไม่จีดเลย 555

ไปทำงานวันแรก ก็ไปอัดกันในรถใต้ดิน ต่อด้วยรถไฟฟ้า เพิ่งรู้ว่าคนนี่มันยัดกันขนาดนี้เลยหรอฟระ
ระยะทางที่เดินจากแต่ละจุดเชื่อม 3 จุดกว่าจะถึงออฟฟิศก็ประมาณ 2 กิโล ไปกลับก็วันละ 4 กิโล

พอไปนั่งในออฟฟิศก็ปูพรมอีก ดูแล้วน่าจะมีฝุ่นสะสมอยู่มาก พอกลับมาบ้านวันแรกก็ป่วยเลย 555
คิดว่าคงเป็นเพราะไม่ได้เจอคนเยอะๆ กับฝุ่นเยอะๆ มานาน ร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันเชื้อพวกนี้

เจ็บคออยู่ได้ซักอาทิตย์นึงก็หาย เริ่มปรับตัวได้ คราวนี้ตลอดอีก 3 เดือนก็ไม่ป่วยล่ะตามคาด


กลับมาเรื่องงาน พี่เค้าก็บอกว่าให้อยู่ช่วยก่อนซักเดือน 1 ล่ะกันว่าจะโอเคมั๊ย (หมายถึงองค์กรนะ ฮาๆ)
ถ้าไม่โอเค พี่เค้าก็จะ say goodbye ล่ะ => ช่วงนั้นงานก็มะรุมมะตุ้มมาก น้องเล็กนี่ทำงานจนเกือบจะสติแตกไปหลายรอบล่ะ สงสัยว่าคงไม่ได้ฝึก Mental มาอย่างเราชาวเทรดเดอร์ ฮาๆ

ไอ่เราเองก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ พวกศัพท์ technical ในธุรกิจนี้มันเยอะเหลือเกิน เครื่องยนต์กลไกอาไรเต็มไปหมด เรื่องเงื่อนไขสัญญาการเงินนู่นนู่นั่นก็เยอะไปหมด แต่อาศัยว่าทำ field consult มานาน เริ่มงานใหม่ทีมันก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทุก business อยู่แล้ว พอทำไปได้ซักพักก็เริ่มปรับตัวได้ หลังจากที่ช่วงแรกๆ รู้สึกว่าทำงานออฟฟิศนี่มันน่าอึดอัดจริงๆ เล้ยยยย ขยับตัวแทบไม่ได้เลยนิ

=> เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดือนที่ 1 ทำแผนเรื่อง turnaround เสนอเข้าบอร์ดผ่านไปได้ด้วยดี หัวหน้าและน้องเล็กก็เลยบอกว่า อยู่ต่อเลยได้มั๊ย, เดือนที่ 2 ทำแผนเสร็จก็เริ่มมีกลุ่มทุนใหม่เข้ามา งานก็ราบรื่นดี หัวหน้าและน้องเล็กก็เลยบอกว่า อยู่ต่อเลยได้มั๊ย, เดือนที่ 3 กิจการเพิ่มทุนได้สำเร็จ องค์กรภายในเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้นล่ะ หัวหน้าและน้องเล็กก็เลยบอกว่า อยู่ต่อเลยได้มั๊ย => คราวนี้จะให้อยู่แบบเป็นพนักงานประจำล่ะ ไอ่เราก็ หึหึหึ => พี่หัวหน้าอีกคนที่รับงาน Freelance FA ก็โทรมาบอกว่างาน Valuation case ใหม่มาแล้วนะ เตรียมเคลียร์ตารางงานด่วนๆ => สรุปตอนนี้ยังไม่รู้จะยังไงดีเลยเนี่ย งานเก่าต้องนั่ง Full time ยังออกไม่ได้ งานใหม่ที่ Freelance ก็เข้ามาอีก... แต่ก็ไม่มีอาไรหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้เองแหละ ฮาๆ บางทีนั่งเทรดอยู่บ้านนานๆ ก็เบื่อเหมือนกัน เอาวิชาชีพที่เรามีมาใช้ประโยชน์ให้เกิดกับองค์กรต่างๆ ก็คิดว่าดีเหมือนกัน win-win แหละ ไม่คิดมาก มีอาไรให้ทำก็ทำ


ข้อคิดที่ได้จากการทำงานนี้คือ 
1)  กทม. ช่วง office hour กลางเมืองแถวสีสม สาทร นี่มันช่างแออัดจริงๆ 
     ถ้าฝนตกนี่คือนรกดีๆ นี่เอง ขนาดไม่ได้ขับรถไปทำงานนะเนี่ย นั่งรถไฟฟ้า+ใต้ดินยังเหนื่อยเลย
    ฟังคนในออฟฟิศบอกว่านั่งรถมาทำงานวันละ 3-4 ชั่วโมงเป็นเรื่องปกติ (Productivity ประเทศชาติ)
2)  งานประจำนี่มันไม่ใช่ตัวเราเลยจริงๆ นั่นแหละ ทำแล้วเหมือนโดนดูดพลังชีวิตเลย ฮาๆ