Friday 30 December 2016

ภาค Reborn - "จงออกนอกนอก Comfort Zone - Go Run!!!" #ภาคสรุป 2016

ปีนี้ตั้งเป้าเป็นธีมกับคุณภิริว่า "เราจะสุขภาพดีไปด้วยกัน"
ถือว่าเรื่องการวิ่งนี่แหละที่ทำให้เราออกนอก Comfort Zone ได้สำเร็จชัดเจน

จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งเป้าอาไรชัดเจนหรอกนะ รู้แต่ว่าต้องไปลงงานวิ่งมินิ 10 km ให้ได้
ก็เริ่มซ้อมไปเรื่อยๆ พอจะถึงวันวิ่งจริงงานแรกก็มีดราม่าเลย
(คือ ลงวิ่งงานแรกก็โดนโกงเลย #งาน Let's Rock Run อ่ะ 555
สรุปงานนี้ไม่ได้วิ่ง แถม Organize ผู้จัดก็เชิดเงินคนรับสมัครไปหมดเลย
นักวิ่งก็แจ้งความ ออกข่าวกันให้พรึ่บ แต่ตำรวจก็ไม่สามารถจับคนโกงได้ แปลกดีจุง)



เราก็เลยได้ตระหนักว่า อ๋อ! งานนี้มันไม่ได้เป็นการกุศลนิ
หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็เลยตกลงกับคุณภิริว่า ต่อไปงานวิ่งทั้งหมดต้องเป็นงานการกุศลนะ
ก็คือ เราไปวิ่งได้สุขภาพ + ได้บุญช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ต้องเป็น win-win แบบนี้สิถึงจะแจ๋ว
(นอกจากนี้ การสมัครงานวิ่งก็เป็น skill นะ คือ โคตรแย่งกันสมัครเลยแหละ 555)

สรุปแล้วทั้งปีก็ลงวิ่งมินิ 10 km ไปทั้งหมด 13 งาน เฉลี่ยแล้วเดือนละ 1 งานครับ
ก็ถือว่าเป็นการเปิดโลกใหม่จริงๆ ไม่เคยทำอาไรแบบนี้มาก่อน
คือ คืนวันเสาร์ต้องรีบนอนตั้งแต่ 3-4 ทุ่มแล้วก็นอนไม่ค่อยหลับ เพราะปกตินอนดึก
ซักตี 3 ก็ต้องตื่นขึ้นมาอัดขนมปังล่ะ เพื่อเตรียมไปงานวิ่งตอนตี 5 กว่าๆ
ช่วงแรกๆ ก็จะรู้สึกว่า กรูมาทำอาไรที่นี่ว่ะเนี่ย เช้ามืดวันอาทิตย์แท้ๆ ผู้คนยังพากันหลับไหล
แต่กรูแหกขี้ตาตื่นมาวิ่ง 10 km จริงๆ แทบไม่ได้นอนเลยด้วยเพราะนอนไม่หลับ หึหึหึ

งานแรกๆ ก็ตื่นเต้นอ่ะนะ บรรยากาศแปลกดีไม่เคยเห็น พอไปทุกๆ เดือน ก็เริ่มชินล่ะ
ก็ได้พบความจริงอีกข้อว่า จริงๆ แล้วคนมางานวิ่งกันเยอะมากๆ เยอะจนน่าประหลาดใจเลยแหละ

แล้วมันลบความเชื่ออีกข้อในใจของผมก็คือ ตอนเด็กๆ ผมจะเชื่อว่าคนที่ตื่นเช้ามาวิ่งวันละ 10 km
นี่ก็มีแต่นักมวยนี่แหละ (ดูจากทีวีเวลาไปถ่ายคนที่เป็นแชมป์โลกซ้อมกัน)
มันเลยทำให้ผมคิดไปเองว่า คนที่วิ่งวันละ 10 km ได้นี่มีแต่นักมวย หรือนักวิ่ง เท่านั้น 555

แต่พอมางานวิ่งจริงๆ แล้วจะเห็นได้เลยว่า เฮ้ย! ใครๆ ก็วิ่ง 10 km ได้ว่ะ อาซิ้ม อาม่า คุณตาแก่ๆ อายุ 70 เด็กเล็กๆ อายุไม่ถึง 10 ขวบ หรือแม้แต่น้องหมาที่วิ่งตามเจ้าของก็ตาม เค้าก็วิ่งกันไปได้เรื่อยๆ เลยแฮะ

ซึ่งพอเราทำลายกำแพงความเชื่อที่ฝังอยู่ในใจออกไปได้ เราก็จะพบว่าเราเองก็ทำได้เหมือนกันนะ



คราวนี้พอดูสรุปจาก App Endo ก็จะเห็นภาพรวมที่วิ่งทั้งปี ของคุณภิริจะได้ 1000 km ตามเป้าของเค้าอ่ะนะ ผมเองจริงๆ ก็ไปวิ่งด้วยกันทุกครั้งอ่ะแหละ อาจจะมีไปได้ไปด้วยซัก 2-3 ครั้ง แต่ระยะรวมต่างกันเกือบ 200 km แน่ะ 55 คงเป็นเพราะช่วงเดือนแรกๆ ผมยังไม่ได้ใช้ app จับระยะวิ่ง ประกอบกับตอนหัดวิ่งช่วงแรกมีอาการบาดเจ็บด้วย ผมคิดว่าระยะวิ่งรวมทั้งปีของผมเองอย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่า 850 km แน่ๆ ล่ะ ฮาๆ

ส่วนข้างล่างก็คือ Stat ที่จะเก็บบันทึกไว้สำหรับปีนี้ครับ



ช่วงเริ่มต้นนี่ในเวลา 1 ชม. จะวิ่งได้ประมาณ 6.7 km แบบหึดจับ
แต่ผ่านไป 1 ปี ตอนนี้จะวิ่งได้ประมาณ 8 km แบบไม่เหนื่อยเท่าไรแล้วครับ




ส่วนระยะที่ผมโฟกัสมากที่สุดก็คือระยะ 5 km ช่วงแรกที่วิ่งจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที หรือ pace 8 นิดๆ
ผ่านไป 1 ปี 5 km ก็จะวิ่งอยู่ที่ประมาณ 30 นาทีครึ่ง หรือ pace 6 นิดๆ ถือว่าดีขึ้นประมาณ 25%




คือผมก็ลองวิ่งดูหลายๆ แบบแล้วอ่ะนะ อยากให้วิ่ง 5 km ได้ต่ำกว่า 30 นาที
มันเหมือนกับว่า ถ้าเราฝึกเองแบบบ้านๆ มันก็จะสุดอยู่ที่ตรงนี้ล่ะ
ถ้าอยากจะขยาย capacity ให้ดีกว่านี้ ก็คงต้องไปเอาโปรแกรมที่นักวิ่งฝึกมาลองล่ะ
(แต่ในใจลึกๆ มันก็ยังคิดอยู่ว่า จริงๆ แล้วทำไมกรูต้องวิ่งเร็วๆ ด้วยฟระ)

บรรทัดสุดท้าย เป้าหมายสำหรับการวิ่งปีหน้าคือ ลงวิ่งฮาฟมาราธอน 21 km ครับ
สมัครไปแล้วด้วยงานบุรีรัมย์มาราธอนเดือน ก.พ. ที่จะถึงนี้ ยังไม่เคยวิ่งได้ถึงเลย
กะไปตายเอาดาบหน้า 555 ต้องทำลายกำแพงความเชื่อให้ได้เหมือนเดิมคนับ



Fighto!!!

No comments:

Post a Comment