เรื่องนี้ก็ลอกพี่ต้านมาอีกตามเคย
ผมสรุปแบบของผมไว้ในเศษกระดาษจนเปื่อยล่ะ
ก็เลยต้องหาที่เขียนเก็บเอาไว้ก่อนที่มันจะสูญหาย + Sharing
การเทรด Future สาย Tank (No Stop Loss)
HP = ระดับ margin ของเรา
(เมื่อเราใช้ margin, HP ก็ ลด ตามความแรงของ Damage ในการโจมตี)
ความแรงของ Damage ในการโจมตี = Margin ที่วางไปแล้ว
(ใช้ HP ไปเท่าไหร่?) เงินทุนทั้งพอร์ต
ระดับ Equity = เงินทุนทั้งพอร์ต
(การทน Damage จากฝั่งตรงข้าม) Margin ที่วางไปแล้ว
ถ้าได้กำไร ก็แปลว่า ได้ HP เพิ่ม => เอาไปทำอาไรต่อ มี 2 choices
1. เพิ่ม HP (เพิ่มเกราะ ไม่เพิ่ม position)
2. เพิ่มการโจมตี หรือความแรง (เพิ่ม position)
สรุป สาย Tank => HP ไม่ควรใช้เกิน 25%, ระดับเกราะไม่ควรต่ำกว่า 400%
(เพราะ Equity Level สูงมาก สาย Tank จึงไม่มีการ Cut loss)
"ปล่อยเค้าทุบตีไปครับ เราทุบเค้าวันละนิด กินไปเรื่อยๆ
อยากรู้เหมือนกันว่า ตลาด Vo แบบนี้ใครจะอึดกว่ากัน 555")
***การ Balance HP & Margin = Dynamic Hedging***
Ex สมมติจะเทรด S50Future อัตรา Margin อยู่ที่ 100,000 บาท ต่อ1 สัญญา
ถ้าเรามีเงินทุนในพอร์ต 1,000,000 บาท เทรด 1 สัญญา
แสดงว่าใช้ HP ไป = 1แสน/1ล้าน = 10% (ถือว่าผ่าน เพราะ Max ได้ 25%)
หรือมีเกราะ = 1ล้าน/1แสน = 1000% (ถือว่าผ่าน เพราะ Min ได้ 400%)
**เราทำเกราะหนาๆ ไปทำไมครับ เผื่อเงินเยอะ ก็จะทำให้ Mental ดี
ใช้ระบบอะไรก็ไม่เครียด แม้เป็นระบบที่มีการ cut loss ก็ตาม
ที่เขียนมาเนี่ย เพราะจะเอาไป sync กับ Model True Alpha นะคับ ไม่ใช่อาไรหรอก 555
แจ่มมากๆ เลยครับ
ReplyDeleteแล้วมีสายอื่นที่ไม่ใช่แท๊งเกอร์ ไหมครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
มีครับ
ReplyDeleteช่วยแชร์ได้ไหมครับ สักวันละสาย
ReplyDeleteKey ของการเทรด หัวใจอยู่ที่การรักษาเงินต้นครับ ที่เหลือ คือ ความคิดสร้างสรรค์ที่จะออกแบบระบบ วิธีการให้เข้ากับจริตของตนเอง··· จับแก่นให้ได้ ที่เหลือก๊เป็นแค่เพียงกระพี้ครับ
ReplyDeleteรักษาเงินต้น ผมรู้จักแค่ KZM อย่างเดียวเองครับในตอนนี้
ReplyDeleteแต่พอเอา KZM ไปต่อยอดแล้วมันสนุกมากครับ
แต่กว่าจะจับแก่นได้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ^^
ลองเจาะ model True Alpha หรือสมการ return = cash + alpha + beta ของ Ray Dalio ที่พี่ต้านมาแชร์เอาไว้ก็ได้ครับ น่าจะได้ idea เพิ่มอีกเยอะเลยครับ ^ ^
ReplyDelete