Saturday, 31 December 2016

ภาค Reborn - สรุปเรื่องการเทรดปี 2016

มาสรุปเรื่อง performance การเทรดปี 2016 บ้างไรบ้าง

พอร์ตหลักผมเน้นเทรดหุ้นไทยครับ
เพราะคิดว่าง่ายที่สุดแล้วถ้าเทียบกับตลาดอื่นอ่ะนะ + เหมาะกับรายย่อยแบบเราๆ ด้วย
(ตลาดอื่นก็เช่น TFEX, Commodities, FX, Fututre, option อาไรพวกนั้นแหละ)

สำหรับตัวผมเน้น Portfolio structure เป็นหลักเหมือนเดิม ก็ใช้แบบที่พี่ต้านสอนนั่นแหละ
ลอกมาเลย Return = Cash + Alpha + Beta เหมือนเดิม

Beta คือ เน้น Close system เป็นหลัก ก็พวก KZM, Zone trading, Sniper อาไรพวกนั้น
Alpha ก็เน้น Rebalancing คู่กับ Cash เป็นหลัก ไม่ได้มีอาไรซับซ้อน
วิธีการเทรดก็ไม่ได้เน้นอาไรเป็นพิเศษ เป็นรวมมิตรสไตล์ ฮาๆ

ตั้งใจจะเทรดไม่เกิน 15 ตัวหมุนเข้าๆ ออกๆ แต่เอาเข้าจริงๆ ก็มีทะลุไป 20 ตัวบ้างเป็นบ้างครั้ง
เทรดแบบไม่มี Stop loss เพราะฉะนั้น จะปิด order เฉพาะไม้ (นัด) ที่กำไรเท่านั้น
Win rate ก็เลยเท่ากับ 100% (จริงๆ มีเอากำไรมา net ไม้ที่ติดทิ้งไปบ้างแต่ไม่ถึง 1%)

สรุปผลการเทรด 1 ปี

ยิงเข้าไปทั้งหมด 651 นัด
ปลดกระสุนออกมาเก็บ cashflow กินได้ทั้งหมด 539 นัด
ดังนั้นยังมีกระสุนติดอยู่ในพอร์ตอีก 112 นัด (คิดเป็นสัดส่วนเท่ากับ 20% ของที่ยิงออกไปทั้งหมด)

กระสุนที่ยังติดนั้น มีทั้งที่ติดจริงๆ (ขาดทุนอยู่) กับที่กำไรแล้ว run trend อยู่ผสมๆ กัน
(เป็น Beta + Alpha ประมาณ 50% ส่วนที่เหลือเป็น Cash reserve อีก 50% เป๊ะเลย 555)

ขนาดกระสุนเฉลี่ยต่อนัด เท่ากับ A บาท (ไม่เปิดเผย)
ขนาดกำไรเฉลี่ยต่อนัด เท่ากับ B บาท (ไม่เปิดเผย)

แต่ B/A เท่ากับ 4.5% ต่อนัด (นับเฉพาะนัดที่ปิดแล้ว แปลว่ายิง 539 นัด เฉลี่ยทุกนัดได้ 4.5%)
นัดที่ได้มากที่สุดประมาณ 70%, นัดที่น้อยที่สุดประมาณ 0.1%

กระสุนนัดนึงยิงแล้วจะติดอยู่ในพอร์ตนานประมาณ 33 วัน
(Max ก็ 365 วันเลยอ่ะนะ, Min ก็ประมาณ 1-5 นาที)



กราฟที่เอามา plot ก็นับ cashflow ที่ทำได้แต่ละเดือนสะสมกันมารวมกันทั้งปีเท่ากับ 22.5%
ถือว่าผ่านเกณฑ์ตัวเอง (ห่วย คือ เดือนละ 0.5%, ปานกลาง 1%, ดีก็ 2% ขึ้นไปต่อเดือน)

ไม่ได้เน้น return อะไรมาก เน้นที่ความสม่ำเสมอ, Mental สมบูรณ์ และ ใช้เวลาในการ Monitor น้อย

ส่วน Equity ก็เอาเฉพาะจุด MAX DD ของแต่ละเดือนมา plot ครับ

เดือนที่พลาดก็คือ May ในเดือนนั้นมีหุ้น IPO ตัวนึง เป็นบริษัทของน้องเพื่อนจะเข้าตลาด
เจ้าของบริษัทมั่นใจมากบอกมาแน่ (อีกล่ะ 555) เลยหน้ามืดใส่ไปเยอะกว่าตัวอื่น ปรากฎว่าเปิดมาที่ราคา High แล้วหลังจากนั้นลงพรวดๆ เลยเกือบ 50% (ซึ่งไอ่ตอนลงนี่เราก็รับมาตลอดทางอีก ฮ่าๆๆ)
ผลก็อย่างที่เห็น DD กระจายเลยทีเดียว (ซึ่งตอนนี้ก็ยังติดอยู่เต็มมือจนถึงสิ้นปี)

ส่วนอีกเดือนที่ DD หนัก ก็คือ Oct อันนี้คงทราบเหตุผลกันดีทุกคนนะครับ
สรุป ณ วันสิ้นปี ค่า DD อยู่ที่ -6.39%


สรุปปีนี้พอร์ทหลักไม่มีปัญหาอะไร จิ้มๆ ไปเรื่อยๆ เท่าที่โอกาสเอื้ออำนวน
Mental ก็สมบูรณ์ดี แต่มีอีกส่วนที่ทำให้กำไรหายไปประมาณ 20% ก็คือ
ส่วนใหญ่จะเอาเงินไป Long Put option (ส่วนมากจะ otm) ซึ่งโดนกินเรียบเหมือนเดิม 555
จริงๆ ก็ทำตามแผนอ่ะนะ คือ เอาไว้ Hedging port แต่ถ้าอ่าน Event กับ Volatility ได้ดีกว่า่นี้
กำไรก็น่าจะเพิ่มขึ้น (ไม่ใช่กำไรหายไปแบบนี้) ก็เป็นสิ่งที่ต้องการพัฒนาปรับปรุงต่อไป


การบ้านสำหรับปีหน้า ก็คือ เราต้องจะ Focus ล่ะ
ปีที่ผ่านมา กระสุนแต่ละนัดค่อนเล็กและข้างกระจัดกระจาย ยิงทิ้งยิงขว้างไปก็เยอะ
เพราะชอบคิดว่ามีกระสุน unlimit พอร์ตเป็นอมตะ ยิงได้ไม่อั้น
ปีหน้า จะจับกระสุนมัดรวมกันให้ใหญ่ขึ้นประมาณ 3-5 เท่าล่ะ
จับมันมาใส่ LEGO system บ้างไรบ้าง

แล้วก็จะพัฒนาระบบการบันทึกบัญชีใหม่ล่ะ
อยากจะได้บัญชีที่แบบว่าได้ Feeling ของการสะสม Asset อ่ะ ไม่ได้เห็นแต่ Cashflow รัวๆ
แล้วก็อยากจะได้บัญชีแบบที่ว่า เห็นปุ๊บก็รู้เลยว่าตอนนี้กระสุนมันอยู่ตรงโซนไหนแล้ว
จะ take action ยังไงต่อ ก็รู้ได้ทันที (บัญชีแบบโบราณที่ใช้อยู่มันก็ยาวลงมาเรื่อยๆ อ่ะนะ
ดูยากมาก ยิ่งช่วงปลายๆ ปี นี่มีหลายร้อยบรรทัดเลย ยิงรัวเกินไปด้วยแหละนะ ต้องรวบกระสุนด้วย  + ค่า Stat ที่เก็บมาทั้งปี ยังเอามาเล่นอาไรได้อีกเยอะเลย ปีหน้าสนุกกว่าเดิมแน่ ขี้เกียจเขียนล่ะ 55)





Friday, 30 December 2016

ภาค Reborn - "จงออกนอกนอก Comfort Zone - Go Run!!!" #ภาคสรุป 2016

ปีนี้ตั้งเป้าเป็นธีมกับคุณภิริว่า "เราจะสุขภาพดีไปด้วยกัน"
ถือว่าเรื่องการวิ่งนี่แหละที่ทำให้เราออกนอก Comfort Zone ได้สำเร็จชัดเจน

จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งเป้าอาไรชัดเจนหรอกนะ รู้แต่ว่าต้องไปลงงานวิ่งมินิ 10 km ให้ได้
ก็เริ่มซ้อมไปเรื่อยๆ พอจะถึงวันวิ่งจริงงานแรกก็มีดราม่าเลย
(คือ ลงวิ่งงานแรกก็โดนโกงเลย #งาน Let's Rock Run อ่ะ 555
สรุปงานนี้ไม่ได้วิ่ง แถม Organize ผู้จัดก็เชิดเงินคนรับสมัครไปหมดเลย
นักวิ่งก็แจ้งความ ออกข่าวกันให้พรึ่บ แต่ตำรวจก็ไม่สามารถจับคนโกงได้ แปลกดีจุง)



เราก็เลยได้ตระหนักว่า อ๋อ! งานนี้มันไม่ได้เป็นการกุศลนิ
หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็เลยตกลงกับคุณภิริว่า ต่อไปงานวิ่งทั้งหมดต้องเป็นงานการกุศลนะ
ก็คือ เราไปวิ่งได้สุขภาพ + ได้บุญช่วยเหลือผู้อื่นด้วย ต้องเป็น win-win แบบนี้สิถึงจะแจ๋ว
(นอกจากนี้ การสมัครงานวิ่งก็เป็น skill นะ คือ โคตรแย่งกันสมัครเลยแหละ 555)

สรุปแล้วทั้งปีก็ลงวิ่งมินิ 10 km ไปทั้งหมด 13 งาน เฉลี่ยแล้วเดือนละ 1 งานครับ
ก็ถือว่าเป็นการเปิดโลกใหม่จริงๆ ไม่เคยทำอาไรแบบนี้มาก่อน
คือ คืนวันเสาร์ต้องรีบนอนตั้งแต่ 3-4 ทุ่มแล้วก็นอนไม่ค่อยหลับ เพราะปกตินอนดึก
ซักตี 3 ก็ต้องตื่นขึ้นมาอัดขนมปังล่ะ เพื่อเตรียมไปงานวิ่งตอนตี 5 กว่าๆ
ช่วงแรกๆ ก็จะรู้สึกว่า กรูมาทำอาไรที่นี่ว่ะเนี่ย เช้ามืดวันอาทิตย์แท้ๆ ผู้คนยังพากันหลับไหล
แต่กรูแหกขี้ตาตื่นมาวิ่ง 10 km จริงๆ แทบไม่ได้นอนเลยด้วยเพราะนอนไม่หลับ หึหึหึ

งานแรกๆ ก็ตื่นเต้นอ่ะนะ บรรยากาศแปลกดีไม่เคยเห็น พอไปทุกๆ เดือน ก็เริ่มชินล่ะ
ก็ได้พบความจริงอีกข้อว่า จริงๆ แล้วคนมางานวิ่งกันเยอะมากๆ เยอะจนน่าประหลาดใจเลยแหละ

แล้วมันลบความเชื่ออีกข้อในใจของผมก็คือ ตอนเด็กๆ ผมจะเชื่อว่าคนที่ตื่นเช้ามาวิ่งวันละ 10 km
นี่ก็มีแต่นักมวยนี่แหละ (ดูจากทีวีเวลาไปถ่ายคนที่เป็นแชมป์โลกซ้อมกัน)
มันเลยทำให้ผมคิดไปเองว่า คนที่วิ่งวันละ 10 km ได้นี่มีแต่นักมวย หรือนักวิ่ง เท่านั้น 555

แต่พอมางานวิ่งจริงๆ แล้วจะเห็นได้เลยว่า เฮ้ย! ใครๆ ก็วิ่ง 10 km ได้ว่ะ อาซิ้ม อาม่า คุณตาแก่ๆ อายุ 70 เด็กเล็กๆ อายุไม่ถึง 10 ขวบ หรือแม้แต่น้องหมาที่วิ่งตามเจ้าของก็ตาม เค้าก็วิ่งกันไปได้เรื่อยๆ เลยแฮะ

ซึ่งพอเราทำลายกำแพงความเชื่อที่ฝังอยู่ในใจออกไปได้ เราก็จะพบว่าเราเองก็ทำได้เหมือนกันนะ



คราวนี้พอดูสรุปจาก App Endo ก็จะเห็นภาพรวมที่วิ่งทั้งปี ของคุณภิริจะได้ 1000 km ตามเป้าของเค้าอ่ะนะ ผมเองจริงๆ ก็ไปวิ่งด้วยกันทุกครั้งอ่ะแหละ อาจจะมีไปได้ไปด้วยซัก 2-3 ครั้ง แต่ระยะรวมต่างกันเกือบ 200 km แน่ะ 55 คงเป็นเพราะช่วงเดือนแรกๆ ผมยังไม่ได้ใช้ app จับระยะวิ่ง ประกอบกับตอนหัดวิ่งช่วงแรกมีอาการบาดเจ็บด้วย ผมคิดว่าระยะวิ่งรวมทั้งปีของผมเองอย่างน้อยคงไม่ต่ำกว่า 850 km แน่ๆ ล่ะ ฮาๆ

ส่วนข้างล่างก็คือ Stat ที่จะเก็บบันทึกไว้สำหรับปีนี้ครับ



ช่วงเริ่มต้นนี่ในเวลา 1 ชม. จะวิ่งได้ประมาณ 6.7 km แบบหึดจับ
แต่ผ่านไป 1 ปี ตอนนี้จะวิ่งได้ประมาณ 8 km แบบไม่เหนื่อยเท่าไรแล้วครับ




ส่วนระยะที่ผมโฟกัสมากที่สุดก็คือระยะ 5 km ช่วงแรกที่วิ่งจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที หรือ pace 8 นิดๆ
ผ่านไป 1 ปี 5 km ก็จะวิ่งอยู่ที่ประมาณ 30 นาทีครึ่ง หรือ pace 6 นิดๆ ถือว่าดีขึ้นประมาณ 25%




คือผมก็ลองวิ่งดูหลายๆ แบบแล้วอ่ะนะ อยากให้วิ่ง 5 km ได้ต่ำกว่า 30 นาที
มันเหมือนกับว่า ถ้าเราฝึกเองแบบบ้านๆ มันก็จะสุดอยู่ที่ตรงนี้ล่ะ
ถ้าอยากจะขยาย capacity ให้ดีกว่านี้ ก็คงต้องไปเอาโปรแกรมที่นักวิ่งฝึกมาลองล่ะ
(แต่ในใจลึกๆ มันก็ยังคิดอยู่ว่า จริงๆ แล้วทำไมกรูต้องวิ่งเร็วๆ ด้วยฟระ)

บรรทัดสุดท้าย เป้าหมายสำหรับการวิ่งปีหน้าคือ ลงวิ่งฮาฟมาราธอน 21 km ครับ
สมัครไปแล้วด้วยงานบุรีรัมย์มาราธอนเดือน ก.พ. ที่จะถึงนี้ ยังไม่เคยวิ่งได้ถึงเลย
กะไปตายเอาดาบหน้า 555 ต้องทำลายกำแพงความเชื่อให้ได้เหมือนเดิมคนับ



Fighto!!!